คอนเซ็ปต์ของร้านคือการนำอพาร์ตเมนต์เก่าในกรุงปารีสมารีโนเวตใหม่ให้กลายเป็นคาเฟ่ จึงยังคงมองเห็นร่องรอยความเก่าผ่านเฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ ของสะสม ประตู ฝาผนัง และอาจจะต้องระมัดระวังตอนหยิบจับหรือใช้งานกันบ้างเพราะเป็นของวินเทจที่มีอายุ
และอาจจะต้องระมัดระวังตอนหยิบจับหรือใช้งานกันบ้างเพราะเป็นของวินเทจที่มีอายุ
อะ ปาร์ เตอ มองต์ เป็นภาษาฝรั่งเศส หมายถึง อพาร์ตเมนต์ เป็นคาเฟ่ที่ต่อยอดมาจาก Prairie (แพรรี่) ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสบนถนนหางดง-สะเมิง ที่เปิดให้บริการเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ของ พี่แว่น - เฉลิมชนม์ อินตื้อ สไตล์ของร้านจึงหนีไม่พ้นแถบยุโรป ฝรั่งเศส ปารีส ที่ออกไปทางหรูหราชวนให้มานั่งดื่มกาแฟ จิบชา แกล้มสโคน
“พี่เป็นคนชอบทำอาหารให้เพื่อนๆ ทาน ชอบครีเอท มีความสนุกกับการเซ็ตนู่นเซ็ตนี่ เซ็ตถ้วยโถโอชา มีความสุขกับการเอานู่นเอานี่มาใส่ มาทำ อะไรประมาณนี้ ซึ่งการทำแพรรี่กับคาเฟ่นี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ความชอบของตัวเอง
“เวลาทำอะไรพี่จะเอาความชอบและความสนุกเป็นที่ตั้ง พี่เป็นคนชอบครีเอท ชอบรังสรรค์ มันคือไลฟ์สไตล์ พี่ไม่ได้เริ่มต้นที่การโฟกัสเรื่องเงินมาก ไม่ได้คิดว่าสองปีฉันจะต้องได้กำไรเท่าไหร่ กี่ปีฉันจะต้องได้ทุนคืน จะไม่ได้คิดแบบนั้น ตลอดเวลาที่ทำแพรรี่ก็เหมือนกัน แล้วมันก็ได้ของมันมาโดยที่เราไม่ได้คาดหวัง ตอนแรกคาดหวังแค่คนจะมาไหม พอมันดี มันก็ประสบความสำเร็จของมันเอง ร้านนี้ก็เหมือนกัน คำถามแรกก็คือ ‘คนจะมาไหม’ ถ้าคนมาเราก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ตราบใดที่เรายังใส่ใจกับมัน เรายังสนุกกับมัน สักวันมันก็คงจะให้เรา”
ก่อนหน้านี้พี่ทำธุรกิจส่งออกพวกของแต่งบ้าน เรามาสายนี้อยู่แล้ว สายของแต่งบ้าน ก็เลยชอบเก็บชอบสะสมของเก่ามาตั้งนานแล้ว พอมีของเยอะก็เลยชวนพี่แหม่ม ซึ่งเป็นหุ้นส่วน ว่าอยากทำร้านอาหารแบบกินข้าวในป่า แต่มีความหรูหรา ก็เลยเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ของแพรรี่”
ความแตกต่างกับคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน บวกกับความตั้งใจและใส่ใจ ทำให้แพรรี่เป็นโปรเจกต์ที่ถือว่าประสบความสำเร็จ เปิดมาหลายซีซันส์ มีทั้งคนเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมากจนยอดจองเต็มแทบทุกวัน จากนั้นก็เริ่มมีแผนที่จะต่อยอดเป็นคาเฟ่ เพราะแพรรี่เปิดแค่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้น และพอดีกับที่ทั่วโลกประสบปัญหาวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ทุกธุรกิจชะลอตัวลง โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และจังหวัดเชียงใหม่เองก็เป็นหนึ่งในจังหวัดที่เศรษฐกิจส่วนใหญ่ขับเคลื่อนไปด้วยการท่องเที่ยว
“พี่มีแผนมาสักระยะหนึ่งแล้วว่าอยากจะมีส่วนของคาเฟ่ ตอนแรกก็คิดว่าจะเปิดคาเฟ่ข้างบนนั้นแหละ แต่มันคงเดินทางไปยาก ก็เลยตัดสินใจเข้ามาในเมือง การมาทำคาเฟ่ก็ถือว่าเป็นอีกทางหนึ่งในการเอาตัวรอดของเราเหมือนกัน เราเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เพียงแต่เราแค่ต้องประคองไปให้ได้ก่อนในช่วงนี้ อย่างน้อยๆ เราก็มีร้านอยู่ในมือแล้ว แล้วเมื่อไหร่ที่นักท่องเที่ยวกลับมาเราก็ค่อยว่ากันอีกที”
จึงเริ่มรีโนเวต อะ ปาร์ เตอ มองต์ ให้กลายเป็นคาเฟ่...
อะ ปาร์ เตอ มองต์ ชวนให้รู้สึกถึงความ “Back to the Classic” ด้วยการตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์วินเทจกับของสะสมต่างๆ ไปจนถึงขนมและเครื่องดื่ม เป็นคาเฟ่ที่ไม่แฟชั่นแต่ก็ไม่ใช่ความเก่าที่ Dark หรือ Noir มีความเยอะแบบสมัยก่อนจากโซฟาวินเทจ ตู้ โต๊ะ โคมไฟระย้า ชุดจาน ชาม แก้ว ชุดน้ำชา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ เป็นความ “มากแต่น้อย” ที่กลมกล่อมกำลังดี มีขนมอร่อย เครื่องดื่มรสชาติดี นั่งสบาย เชื่อว่าหลายคนสามารถสัมผัสได้หากมีโอกาสเดินเข้ามาเยี่ยมอพาร์ตเมนต์เก่าหลังนี้
อีกหนึ่งความคลาสสิกคือเครื่องดื่มและขนม เครื่องดื่มส่วนใหญ่ของทางร้านจะเป็นเครื่องดื่มที่คลาสสิก มีเมนูกาแฟเบสิคอย่างเอสเพรสโซ อเมริกาโน ลาเต้ และคาปูชิโน่ โกโก้ กับชา Mariage Frères ของฝรั่งเศสที่หอมอร่อยไม่เหมือนใคร
และขนมอย่างสโคนและเครมบรูเล่ ที่เมื่อก่อนเคยฮิตแต่กลับหากินได้ยากในคาเฟ่ปัจจุบันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ยังมีขนมและเครื่องดื่มอีกหลายอย่าง เช่น Salted caramel-chocolate cake, Charcoal chiffon, Madeleines, Rose lemonade soda Berry Orange Soda
ส่วนชั้นสองเป็น Private Room สำหรับ 4 ท่าน (เครื่องดื่ม+ขนม) ซึ่งต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น มีสองห้องเป็นโทนสีชมพูและโทนสีน้ำเงิน
ความชอบและความสุขที่กลายเป็นไลฟ์สไตล์กับความตั้งใจของพี่แว่น จึงส่งผ่านออกมาสู่ทุกอย่างของ แพรรี่ และ อะ ปาร์ เตอ มองต์
ร้านเปิด : 10.00 น. – 16.30 น. (หยุดทุกวันจันทร์)
พิกัด : ถ.นิมมานเหมินท์ ซอย 13
