Living

 

เยี่ยมชมบ้านพันวา นอนพัก kantary Bay ตามรอยซีรีย์ดัง แปลรักฉันด้วยใจเธอ ภูเก็ต

4 เมษายน 2565

เหตุผลหนึ่งที่เราเลือกอยากมาพักที่นี่ก็คงเป็นภาพบ้านทรงชิโนโปรตุกีสหลังสีขาวตัดเขียวติดริมชายหาด ต้องออกตัวก่อนเลยว่าตัวผมยังไม่ได้ดู แปลรักฉันด้วยใจเธอ ซีรีย์ที่มีการถ่ายทำที่ทั้งเคปพันวาและหลายสถานที่ในภูเก็ต แต่เมื่อได้ไปเที่ยวภูเก็ตและได้มีโอกาสมาพักที่ Kantary Bay Phuket จากคำบอกเล่าของพี่อ้อม กฤตยา บุตรละคร senior conference ของเคป แอนด์ แคนทารี่ โฮเทลส์ ที่พาเราเยี่ยมชมห้องพักและสถานที่ของโรงแรมเคปพันวา  และแฟนสาวข้างกายที่แอบเป็นแฟนคลับ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล เลยได้ทราบว่าแขกที่มาพักที่นี่ หลายคนตามมาจากซีรีย์เรื่องดังกล่าว บ้านที่มีแรงดึงดูดให้หลายคนอยากมาเก็บภาพ แม้แต่ตัวเราเองที่ไม่เคยทราบเรื่องของซีรีย์ดังกล่าวมาก่อนเลยทำให้เราต้องกลับมาย้อนดูละครเรื่องนี้ซึ่งคิดไปก็แอบขำตัวเองที่หลายคนตามรอยบ้านจากละครซีรีย์ แต่เรากลับมาตามดูซีรีย์จาก บ้านพันวา  บ้านหลังนี้เท่าที่หาข้อมูลน่าจะสร้างมาราว ปี2530 เดิมบริเวณนี้เป็นที่เจ้าของสวนมะพร้าวชาวมุสลิมซึ่งตัวพันวาเฮาส์เองก็เป็นบ้านของเจ้าของที่อยุ่อาศัยจริง ทางเจ้าของได้สัญญาจะปรับปรุงตัวบ้านและรักษาจนมาถึงปัจจุบัน 

โรงแรมในเครือของ Cape & Kantary จะตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ขับรถไม่เกิน 20 นาทีจากเมืองเก่าภูเก็ต ก็มาถึงเราสามารถที่จะจองในโรงแรมส่วนของเคปพันวา ที่อยู่ติดชายหาดของแหลมพันวา หรือจะเลือกประหยัดงบประมาณลงมาอีกหน่อยก็สามารถจองมาพักในส่วนของ Kantary Bay คุณคิดว่าเราจะเลือกแบบไหนและแน่นอนเราก็เลือกอย่างหลังด้วยความที่ต้องการห้องพักที่อารมณ์ เหมือนอยู่บ้าน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่ไม่ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมากและอยุ่ในงบประมาณ

                                                                               one bed room โรงแรมเหมือนบ้าน 

  Kantary Bay   ถูกออกแบบห้องพักให้เหมาะสำหรับคนที่อยากมาอยู่ยาว หรือมาทำงานที่ไม่ใช่แค่นอนพักเช็คอินระยะสั้น เพราะห้องทุกห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก ตั้งแต่ ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า โซนรับแขก เครื่องเสียง อ่างอาบน้ำ ให้อารมณ์ ราวกับอยู่เซอร์วิสอพาร์ทเม้นแต่ก็สามารถใช้บริการของทางโรงแรมเคป พันวาได้แบบไม่มีค่าใช้จ่ายที่นี่ยังมีตั้งแต่ ห้องอ่านหนังสือ ร้านขายของใช้ต่างๆ รวมถึง  Café Kantary ที่คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหาร หลากหลายที่มีวิวติดริมทะเลด้านหน้าโรงแรมอีกด้วย

                                                                        One Bed Room Suite

ที่นี่มีการแบ่งสัดส่วนของห้องอย่างลงตัว เดินเข้ามาคุณก็จะพบกับมุมห้องครัว แพนทรีเล็กๆ ถัดไปก็เป็นโต๊ะกินข้าว และ โซนรับแขก พอข้ามไปฝั่งห้องนอนก็จะมีระเบียงต่อเนื่องกับห้องนอนให้นั่งชมวิวทะเลมี walk in closet และ อ่างอาบน้ำให้นอนแช่สบายๆ

                                        Befor sunset ก่อนจะหมดวันแรกของทริป 

ผมชอบที่จะนั่งทำงานที่โต๊ะทานอาหารและโต๊ะรับแขก เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา พอตกเย็น ระเบียงห้องที่ถูกวางผัง ทิศทางที่เห็นวิวของทะเล ก็ได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกับมุมสูงของสระว่ายน้ำที่มีบริการทั้งสองตึก ทั้งในส่วน สระบนดาดฟ้า หรือ ด้านหน้าโรงแรม โชคดีที่วันแรกที่เรามาถึงก็มีวิวพระอาทิตย์ตกดินมาให้เห็นซึ่งบางทีการที่เรารอคอยแค่จะนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินถ้าโชคไม่เข้าข้าง ฟ้าฝนไม่เป็นใจ แค่พระอาทิตย์ตกดินก็มีค่ามากสำหรับการได้เฝ้ามองความงามและใช้เวลากับใครสักคนแค่นี้ก็เป็นการเริ่มต้นทริปที่ดีของวันแล้ว พอตกเย็นถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชอบการท่องเที่ยวแบบวิถีชีวิตคนท้องถิ่นที่นี่ยังมี street food จอดเรียงรายไล่ไปตั้งแต่ ส้มตำน้องฮะ โรตีงู หรือ โรตีกรอบ ที่ต้องต่อแถวรอรับคิวกันเลยและก็สามารถไปปูเสื่อนั่งชมวิวทะเล

Breakfast time ทะเลรอเราอยู่

5 เมษายน 2565

อาหารเช้าซึ่งปกติสามารถทานที่ Kantary Bay ก็ได้แต่ไหนๆมาทั้งทีก็ต้องใช้พื้นที่ให้คุ้ม ทางโรงแรมจะมีรถรับส่งจากโรงแรม แคนทารี เบย์ ไปยังเคปพันวาเพื่อไปทานอาหารเช้า รถจะมีตลอดเราแค่แจ้งว่าจะออกไปก็จะมีเจ้าหน้าที่รับส่งตลอดเพราะไม่ไกลกันมาก นั่งรถไม่ถึงห้านาที ผ่านแนวเขากั้นที่สูงชันไปก็ถึงแล้ว อาหารเช้าที่นี่จะเป็นบุฟเฟต์ มีให้เลือกหลากหลายจนตาลาย ไม่รู้จะเลือกอะไรดี ไปถึงก็สามารถแจ้งห้องพักเลขที่ที่เรานอนในส่วน Kantary Bay และ จะได้รับถุงมือเพื่อเข้าไปเลือกอาหารในส่วนที่นั่งจะเลือก นั่งชมวิวทะเล หรือ วิวสระว่ายน้ำก็แล้วแต่ความชอบของเราได้เลย แต่เราเลือกที่จะชมวิวทะเลในเช้าวันแรก

พอทานอาหารเช้าเสร็จ ใจเราก็จดจ่ออยู่กับทะเลและกิจกรรมยามเช้า มีสองทางให้เลือกคือหนึ่ง เดินเท้าลงมายังวิวทะเล หรือสองจะนั่งรถรางเบนซ์รถลากที่เป็นเหมือนจุดขายของที่นี่ แต่เรากลับมองเห็นในความจริงใจในการแก้ปัญหาหลายอย่างของที่นี่ที่มีความใส่ใจในเรื่องรายละเอียดถ้าเป็นบางที่อาจจะไม่ยอมทำรถรางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเพราะก็สามารถเดินลงมาได้ไม่ไกลมาก แต่ก็นั้นแหละงานบริการที่ดีที่สุดก็ต้องคำนึงถึงความหลากหลายของกลุ่มคนที่จะเข้ามา และก็กลายเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินไปในตัว

Long time no sea ทะเล ฟ้าฝน ลมไม่เป็นใจ

เมื่อเรานั่งรถรางมาถึงตัวทะเลวันนี้กลับพบว่ามีคลื่นลมแรง และเมฆปกคลุมทั่วไปหมด เราจึงได้แต่เพียงถามถึงเจ้าหน้าที่ว่าจะได้ลงไปทำกิจกรรมทางน้ำได้หรือไม่

แต่แล้วคำตอบที่ได้ก็คือคงต้องรอเป็นวันพรุ่งนี้และเราก็หวังว่าฟ้าฝนและแสงแดดจะเป็นใจให้เราได้เก็บภาพบรรยากาศและได้ทำกิจกรรมทางน้ำที่เราไม่ได้สัมผัสมากว่าสองปี

 Cafe'  Kantary 

อาหารและเครื่องดื่มดีๆจะเยียวยาทุกสิ่งเราเลือกที่จะขึ้นมานั่งที่  Café Kantary ที่ตั้งอยู่ส่วนหน้าโรงแรม ที่นี่เป็นคาเฟ่ของโรงแรมที่เปิดต้อนรับกับทุกคนเข้ามาทานเก็บภาพริมทะเลหรือจะทานอาหารกลางวันได้แบบเต็มอิ่ม เราเลือกตั้งแต่ เมนูเริ่มต้นจากสปาเก็ตตี้สองสีผัดขี้เมาทะเล Black and white spaghetti

ตามด้วยข้าวไข่ข้นราดซอสต้มยำกุ้ง  steamed rice topped whit omelette and shrimp soup ตามด้วย

berry berry crepe และ Honey toast signature ของทางร้าน ปิดท้ายด้วยมะม่วงปั่น หอมสดชื่น และกาแฟดริปแบบเวียดนามที่หาทานไม่ได้ง่ายๆ

ที่เขาจะเสริฟมาเป็นถ้วยที่มีนมอยู่ข้างใต้เมื่อกาแฟเติมลงไปผสมคนให้เข้ากันก็จะได้กาแฟรสชาติที่แปลกใหม่ แสนเข้ากัน นับว่าเป็นการเยียวยาจิตใจได้เป็นอย่าดีกับมื้ออาหารกลางวัน ที่ถ้าใครติตามซีรีย์ในฉากก็จะมีถนนบริเวณหน้าคาเฟ่ปรากฏตอนวิ่งผ่านหน้าร้าน café kantary

Panwa House

6 เมษายน 2565หลังจากทานอาหารเช้าในวันที่สองของการเดินทางเราเลือกที่จะเดินผ่านตัวอาคารเพื่อเยี่ยมชมผ่านห้องอาหารอิตาเลี่ยนและเมื่อเดินไปต่อก็จะทะลุมายังวิวระเบียง ที่มักจะมีการจัดงานแต่งงานที่ระเบียงแห่งนี้ จุดนี้เป็นอีกซีนที่มีในซีรีย์ที่มีการถ่ายทำ และเมื่อมองออกไปก็จะเห็นทางเดินออกสู่ทะเล ที่พี่อ้อมอธิบายว่า “เมื่อก่อนจะอนุญาตให้โรงแรมสามารถมีท่าเรือเพื่อจอดเรือได้พี่อ้อม ยังพาเราชมห้องของที่พักเคปพันวา“ทุกห้องของเราทางเจ้าของเขาเลือกที่จะเก็บต้นไม้และวิวทุกห้องจะต้องหันหน้าไปทางทะเล และที่นอนที่นี่ยังใช้ขนาดเตียง 7 ฟุต ซึ่งรองรับแขกฝรั่งได้สบาย และ ที่นี่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยในห้องที่ทุกห้องจะต้องมีระเบียงค่ะ”

ในวันที่แสงแดดเป็นใจ sea you soon

เมื่อเราเดินจนมาถึงชายหาดด้วยสองเท้าแต่ใจของเรานั้นวิ่งมาถึงก่อนตัวเสียอีก แสงแดดได้ทักทายกับชายหาดสะท้อนเข้ามาในตาเป็นระยะระหว่างเดินเท้าราวกับกระจกสะท้อนแสงโบกมือทักทาย คล้ายกับว่ารุูว่าเราผิดหวังจากเมื่อวานมาก่อน

สิ่งแรกที่ทำคงถ่ายรูปกับทะเล และ บ้านพันวา ที่มีทั้งของตกแต่ง งานสะสมที่หาชมได้ยาก ผ้าสีขาวที่ปลิวล้อกับลมทะเล บันไดบ้านและระเบียงที่ทำให้เราจินตนาการราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ที่นี่นอกจากใช้ประกอบฉากละครแล้วในตอนเย็นก็แปลงโฉมเป็นห้องอาหารไทย Panwa House ที่เปิดต้อนรับอาทิตย์ละ 4 วัน คือ วันจันทร์อังคาร และพฤหัส ศุกร์ เวลา18.30-23.00

พอเก็บภาพจนพอใจแล้วผมก็มาเล่น แพดเดิ้ลบอร์ด ที่นี่ยังมี Afternoon tea ทิ่ bamboo bar setนี้ตก 550+ ที่ต้องจองล่วงหน้ากับทางโรงแรม จะมีทั้งครัวซองขนมหวาน และชาให้เลือกสำหรับสอท่าน ในการเล่นกิจกรรมทางน้ำที่นี่จะมีตั้งแต่ เรือคายัค บอร์ด และ บริการนวดแผนไทย เปิดให้บริการฟรี เวลา 10.00 สำหรับลูกค้าโรงแรม แต่ถ้าบุคคลภายนอกต้องเสียค่าใช้จ่าย และในการเล่นเพดเดิ้ลบอร์ดครั้งแรกของผมนั้นก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเพราะการทรงตัวเริ่มต้นเราต้องใช้ท่าคุกเข่าทั้งสองข้างให้ทรงตัวให้ได้ก่อน แล้วถึงจะกล้ายืนพายแต่ถ้าใครไม่มั่นใจก็ควรจะนั่งไปก่อนและ เทคนิคที่เรียนรู้มาอีกอย่างคือ อย่าขวางทางน้ำให้หันหัวบอร์ดแนวตรงแล้วพายจะง่ายในการบังคับทิศทางมากกว่าเพราะเราต้องต่อสุ้กับแรงลมตลอดเวลา 

Check Out เราจะมาพบกันใหม่

หลังจากเล่นกิจกรรมจนหมดแรงเราก็ได้เวลาต้องบอกลาหาดพันวา และโรงแรมแคนทารี เบย์ ตอนแรกที่เราเข้าไปอ่านรีวิวก็จะพบกับข้อความรีวิวที่บอกว่าประทับใจมากทั้งเรื่องพนักงาน ตัวห้องที่กว้างขวางที่หลายคนไปพร้อมกับความไม่คาดหวังแต่สิ่งที่ได้รับมันก็เกินคาดเมื่อเราไม่ได้คาดหวังจนเกินไป จริงอยุู่ที่ปัจจุบันมีโรงแรมเปิดใหม่หลายๆที่เกิดขึ้นมากมายเป็นตัวเลือกให้เราเข้าไป เช็คอิน ถ่ายภาพ แต่เราเชื่อว่าจะมีไม่กี่ที่ที่เราจะสัมผัสถึงงานบริการและรอยยิ้มที่จริงใจในการต้อนรับและความใจดีของคนที่นี่ ที่ลูกค้าให้ความสำคํญไม่น้อยไปกว่าการตกแต่งที่สวยงาม

และท้ายที่สุดต้องขอขอบคุณพี่บุญส่ง สุระทด  Hotel Manager ที่ได้ให้คำแนะนำและดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดคอยให้คำแนะนำตลอด

ฝากความเห็น




x